Browsing by Subject "Development"
Results Per Page
Sort Options
-
Itemการพัฒนารูปแบบสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งบนเครือข่ายทางสังคม เรื่องการอินทิเกรต วิชาคณิตศาสตร์สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี( 2009) สมภพ ทองปลิว ; พูลศรี เวศย์อุฬารการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนารูปแบบสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งบนเครือข่ายทางสังคม เรื่องการอินทิเกรด วิชาคณิตศาสตร์ สำหรับนักศึกษาปริญญาตรีให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น (3) ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเรียนของนักศึกษาที่เรียนตามรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นกับการเรียนจากการสอนตามปกติ (4) ศึกษาความคงทนในการจำเมื่อเรียนจากรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นผ่านมาแล้ว 1 เดือน และ 2 เดือน และ (5) ศึกษาเจตคติของนักศึกษาที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น ประชากร คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี 2-3 ปี วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 700 คน กลุ่มพัฒนาเครื่องมือ เลือกมาแบบเจาะจง จำนวน 48 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มพัฒนาเครื่องมือแบบรายบุคคลจำนวน 3 คน 2) กลุ่มพัฒนาเครื่องมือแบบกลุ่มย่อยจำนวน 15 คน และ 3) กลุ่มพัฒนาหาประสิทธิภาพของเครื่องมือจำนวน 30 คน ส่วนกลุ่มตัวอย่างเพื่อใช้ในการทดลอง เลือกมาแบบเจาะจงจำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ (1) บทเรียนอีเลิร์นนิ่งบนเครือข่ายทางสังคมเรื่องการอินทิเกรตวิชาคณิตศาสตร์ (2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ เป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก มีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.83 ค่าความยากง่ายเฉลี่ยทั้งฉบับ เท่ากับ 0.77 ค่าอำนาจนำแนก เท่ากับ 0.63 (3) แบบฝึกหัดระหว่างเรียน (4) แบบประเมินคุณภาพเนื้อหาอีเลิร์นนิ่ง (5) แบบประเมินคุณภาพการใช้อีเลิร์นนิ่ง และ (6) แบบวัดเจตคติ สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานได้แก่ t-test โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ปรากฏผลการวิจัยดังต่อไปนี้ 1. รูปแบบสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิ่งบนเครือข่ายทางสังคม เรื่องการอินทิเกรตวิชาคณิตศาสตร์ สำหรับนักศึกษาปริญญาตรี ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.73/84.88 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2. ดัชนีประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนที่พัฒนาขึ้นมีค่าเท่ากับ 0.72 3. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นกับการเรียนปกติทดสอบด้วยสถิติ t-test พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นสูงกว่าการเรียนปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 4. ความคงทนในการจำหลังเรียนจากรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นผ่านมาแล้ว 1 เดือน และ 2 เดือน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 5. เจตคติที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีค่าเป็นบวก (3.98) ซึ่งหมายความว่า นักศึกษาชอบเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น
-
Itemความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิน้ำกับอัตราการเจริญเติบโตของหนอนปลอกน้ำ Himalopsyche acharai (Trichoptera: Rhyacophilidae)( 2552) ชิตาภา เกตวัลห์ ; Tsuruishi, Tatsu ; Suwan, Kayanความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิน้ำกับอัตราการเจริญเติบโตของหนอนปลอกน้ำ (Himalopsyche acharai) วงศ์Rhyacophilidae อันดับTrichoptera ศึกษาในห้องปฏิบัติการระหว่าง พ.ศ. 2547 - ธันวาคม พ.ศ.2548 ทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยทดลองเลี้ยงตัวอ่อนหนอนปอกน้ำในอุณหภูมิคงที่ 10°C, 15°C, 20°C และ 25°C พบว่าอุณหภูมิน้ำระดับต่ำ ที่มีการเจริญเติบโตได้ประมาณ 5°C และอุณหภูมิคงที่สําหรับหนอนปลอกน้ำ 1 รุ่น คิดเป็นอุณหภูมิสะสม 1,200 °C ในการทดลองนี้ พบว่าดักแด้ไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยได้ในอุณหภูมิคงที่ 10°C และ 25°C การอยู่รอดของหนอนปลอกน้ำ มีอัตราการเจริญเติบโตในอุณหภูมิที่จํากัด มีค่าพิสัยอยู่ระหว่าง 10°C ถึง 10°C - 25°C