Browsing by Subject "การจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนส่วนบุคคล"
Results Per Page
Sort Options
-
Itemการพัฒนาบทเรียนอีเลิร์นนิงตามสภาพแวดล้อมทางการเรียนส่วนบุคคลบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ เรื่อง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และการสื่อสารข้อมูลพื้นฐาน(มูลนิธิศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล, 2560) ไพโรจน์ เบาใจ ; พูลศรี เวศย์อุฬาร ; พุทธมนต์ อัจฉริยนนท์การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนาบทเรียนอีเลิร์นนิงตามสภาพแวดล้อม ทางการเรียนส่วนบุคคลบนเครือข่ายสังคม ออนไลน์เรื่อง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ การสื่อสารข้อมูลพื้นฐานให้ได้ ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ 80/80 (2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลจากการเรียน ด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิงที่พัฒนาขึ้นให้มีค่า ไม่ต่ำ กว่า 0.70 (3) ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนระหว่างกลุ่มควบคุมที่เรียนจากการ สอนแบบปรกติกับกลุ่มทดลองที่เรียนจากบท เรียนอีเลิร์นนิง (4) ศึกษาความคงทนในการเรียน รู้หลังจากเรียนด้วยบทเรียนอีเลิร์นนิงเมื่อเรียน ผ่านมาแล้ว 2 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ และ (5) ศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการ เรียนแบบ อีเลิร์นนิง ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย ราชภัฎจันทรเกษม จำนวน 150 คน สุ่มเลือก กลุ่มตัวอย่างด้วยการสุ่มแบบง่าย จำนวน 60 คน ซึ่งกำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) บทเรียนอีเลิร์นนิงตามสภาพแวดล้อมทางการ เรียนส่วนบุคคลบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ เรื่อง ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ข้อมูลพื้นฐาน (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและความคงทนในการเรียนรู้ (3) แบบวัดความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการเรียน แบบอีเลิร์นนิง (4) แบบประเมินคุณภาพสำหรับ ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและอีเลิร์นนิง สถิติที่ใช้ ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยง เบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test แบบ Independent Sample และ Dependent Sample ผลการวิจัย พบว่า (1) บทเรียนอีเลิร์นนิง ตามสภาพแวดล้อมทางการเรียนส่วนบุคคลบน เครือข่ายสังคมออนไลน์ เรื่อง ระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์และการสื่อสารข้อมูลพื้นฐานมี ประสิทธิภาพเท่ากับ 82.17/86.89 ซึ่งเป็นไป ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (2) มีค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ .7796 ทำให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้คิด เป็นร้อยละ 77.96 (3) เมื่อเปรียบเทียบผล สัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า กลุ่มทดลองมีผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (4) ความคงทน ในการเรียนรู้หลังจากเรียนด้วยบทเรียน อีเลิร์นนิง เมื่อเรียนผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ กับการทดสอบหลังเรียนทันทีมี ผลการเรียนรู้ ไม่แตกต่างกันอย่ามีนัยสำคัญทางสถิติ แสดงว่า บทเรียนที่พัฒนาขึ้นส่งผลต่อความคงทนในการ เรียนรู้ และ (5) นักศึกษามีความพึงพอใจต่อ การเรียนแบบอีเลิร์นนิงอยู่ในระดับมาก เพราะคุณค่าที่ได้จากประสบการณ์เรียนแบบ อีเลิร์นนิง ดังนั้น บทเรียนอีเลิร์นนิงที่พัฒนาขึ้น จึงสามารถนำไปใช้เพื่อการเรียนการสอนต่อไป ในอนาคตได้