Browsing by Subject "การละเมิดสิทธิมนุษยชน"
Results Per Page
Sort Options
-
Itemข้อสังเกตเกี่ยวกับการเยียวยาชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นที่ถูกกักกันระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในประเทศสหรัฐอเมริกาสิทธิในการได้รับการเยียวยาชดใช้ความเสียหายนั้นนับเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเหยื่อผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยหลักการแล้วจะเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์หลักของการเยียวยาชดใช้ความเสียหายแก่เหยื่อผู้ถูกสิทธิมนุษยชนนั้นคือเพื่อทำให้เหยื่อผู้ที่ได้รับความเสียหายกลับคืนสู่ฐานะเดิมก่อนมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน สำหรับเหยื่อนั้นการเยียวยาชดใช้ความเสียหายประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญสามประการ กล่าวคือ ความรับรู้ถึงความเจ็บปวด การเยียวยาความเสียหาย และการมีส่วนร่วมของผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งความพยายามของรัฐในการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต การสร้างหลักเกณฑ์การเยียวยาชดใช้ความเสียหายโดยฝ่ายบริหารที่ดีนั้นหาใช่เพียงการชดใช้ด้วยจำนวนเงินเพียงประการเดียว หรือการคัดลอกหลักเกณฑ์การเยียวยาชดใช้ความเสียหายและประสบการณ์การเยียวยาชดใช้ความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประเทศอื่น การออกแบบหลักเกณฑ์การเยียวยาที่ดีจึงไม่มีรูปแบบที่ตายตัว หากแต่เป็นการเยียวยาชดใช้ความเสียหายที่คำนึงถึงความรู้สึกของเหยื่อผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก และรูปแบบการเยียวยาชดใช้ความเสียหายนั้นต้องสามารถบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นในแง่ของประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมและประโยชน์เชิงสัญลักษณ์ ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเสียหายของเหยื่อยและบรรเทาความขัดแย้งรวมทั้งสร้างความปรองดองระหว่างผู้กระทำละเมิดและเหยื่อผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน วัตถุประสงค์ของบทความแบับนี้นั้นเป็นการยกตัวอย่างการเยียวยาผ่านหลักเกณฑ์การเยียวยาที่ีมีเหยื่อเป็นศูนย์กลาง (Victim-Oriented Reparation Program) กล่าวคือ การเยียวยาชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นที่ถูกกักกันระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลักเกณฑ์การเยียวยาชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นที่ีถูกกักกันระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในรหรัฐอเมริกานั้นเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวเรียกร้องของเหยื่อที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยตรงจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเวลานาน จนท้ายที่สุดได้มาซึ่งหลักเกณฑ์ที่เหยื่อพึงพอใจ โดยหลักเกณฑ์นั้นประกอบไปด้วยการเยียวยาในรูปแบบที่เป็นตัวเงิน (Monetary Form of Reparations) คือการจ่ายเงินเยียวยาแก่เหยื่อผู้ถูกกักกันที่รอดชีวิตจำนวน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ และการเยียวยาในรูปแบบอื่นซึ่งมิใช่ตัวเงิน (Non-Monetary Form of Reparations) คือ การกล่าวคำขอโทษอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้การเยียวยาชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นที่ถูกกักกันระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในสหรัฐอเมริกายังก่อให้เกิดบทเรียนแก่สังคมโดยรวมในการตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีตเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำความผิดพลาดซ้ำอีกในอนาคตอีกด้วย
-
Itemปัญหาชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาในประเทศเมียนม่า:บทบาทและการให้ความช่วยเหลือของประเทศบังคลาเทศบทความนี้ได้นำเสนอผลกระทบจากการที่ประเทศเมียนมาได้กระทำต่อชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาทำให้มีผลเป็นการอพยพไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ โดยเฉพาะประเทศบังคลาเทศ โดยดูจากจุดกำเนิดของวิกฤตการณ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องตลอดจนสถานการณ์ปัจจุบันจุดยืนขององค์การสหประชาชาติและสหรัฐอเมริกา จีน รวมทั้งอินเดียซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีอิทธิพลภายในภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีอิทธิพลเหนือประเทศบังคลาเทศ บทความนี้ได้ข้อสรุปว่า แม้ว่าประชาคมของโลกจะรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อผู้ลี้ภัยไร้รัฐชาวโรฮิงญา แต่ประชาคมโลกก็ยังไม่สามารถที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหรือหาทางออกเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง การจะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องและแรงกดดันจากประเทศต่างๆ เช่นจีนและอินเดียซึ่งถือว่าเป็นมหาอำานาจในภูมิภาคและยังมีแรงกดดันจากประชาคมโลกอย่างเช่นกลุ่ม G8 ซึ่งพยายามมีบทบาทใน วิกฤตการณ์มนุษยธรรมต่างๆ ตลอดจนความรับผิดชอบร่วมกันของนานาประเทศซึ่งส่งเสริมให้เกิดความสามารถในด้านของโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจ คำตอบสุดท้ายสำหรับกรณีของชาวโรฮิงญาอาจจะเป็นไปได้คือ ประชาคมโลกร่วมกันแสดงท่าทีกดดันให้เมียนมารับเอาผู้อพยพชาวโรฮิงญาพร้อมทั้งให้สิทธิในสัญชาติแจกคนเหล่านั้น
-
Itemหลักเกณฑ์การเยียวยาที่เหมาะสมแก่เหยื่อที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐสำหรับประเทศไทยบทความนี้เป็นการสรุปใจความสำคัญจากดุษฎีนิพนธ์ที่ผู้เขียนได้ศึกษาโดยมีวัตถุประสงค์ในการศึกษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาชดใช้ความเสียหายที่เหมาะสมแก่เหยื่อผู้ถูกรัฐละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ได้ศึกษาถึงปัญหาทางด้านกระบวนการในการเยียวยา รูปแบบของการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย และวิธีในการคำนวณการชดใช้ความเสียหาย เพื่อเสนอแนะแนวปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับการเยียวยาและชดใช้ความเสียหายแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐสำหรับประเทศไทย จากการศึกษาพบว่า การเยียวยาชดใช้ความเสียหายผ่านกระบวนการทางบริหารโดยรัฐบาลออกหลักเกณฑ์การเยียวยาเพื่อชดใช้ความเสียหายแก่เหยื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ประเทศไทยควรออกแบบหลักเกณฑ์การเยียวยาที่เหมาะสมโดยพิจารณาถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ ความครอบคลุม (ในแง่ของคำนิยามของเหยื่อและผู้ได้รับประโยชน์) ความซับซ้อน (ในแง่ของความหลากหลายของรูปแบบการเยียวยาชดใช้ความเสียหาย) การสื่อสาร กระบวนการมีส่วนร่วมของเหยื่อ และการติดตามผลของหลักเกณฑ์การเยียวยาชดใช้ความเสียหายที่ได้มีการบังคับใช้ไปแล้ว สำหรับการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐ เช่น เหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองนั้น การเยียวยาที่เหมาะสมจำต้องประกอบด้วยการเยียวยาที่เป็นตัวเงิน อันประกอบด้วยค่าเสียหายที่คำนวณเป็นตัวเงินได้ และค่าเสียหายเชิงศีลธรรม ซึ่งคำนวณโดยวิธีการคำนวณตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังจำต้องประกอบด้วยการเยียวยาชดใช้ความเสียหายในรูปแบบที่มิใช่ตัวเงิน และการเยียวยาเชิงสัญลักษณ์อีกด้วย